วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

20 RULES FOR THE MASTER SWING TRADER

Rule 1: If you have to look, it isn’t there. Forget your college degree and trust your instincts. The best trades jump out of nowhere and create a sense of urgency. Take a deep breath, then act quickly before the opportunity disappears.

Rule 2: Trends depend on their time frame. Make sure your trade fits the clock. Price movement aligns to specific time cycles. Success depends on trading the right ones.

Rule 3: Price has memory. What happened the last time a stock hit a certain level? Chances are it will happen again. Watch trades closely when price returns to a battleground. The prior action can predict the future.

Rule 4: Profit and discomfort stand side by side. Find the setup that scares you the most. That’s the one you need to trade. Don’t expect it to feel good until you take your profit. If it did, everyone else would be trading it. Wisdom from the East: What at first brings pleasure in the end gives only pain, but what at first causes pain ends up in great pleasure.

Rule 5: Stand apart from the crowd at all times. Trade ahead, behind or contrary to the crowd. Be the first in and out of the profit door. Your job is to take their money before they take yours. Be ready to pounce on ill-advised decisions, poor judgment and bad timing. Your success depends on the misfortune of others.

Rule 6: Buy the first pullback from a new high. Sell the first pullback from a new low. Trends often test the last support/resistance before taking off. Trade with the crowd that missed the boat the first time around.

Rule 7: Buy at support. Sell at resistance. Trend has only two choices upon reaching a barrier: Continue forward or reverse. Get it right and start counting your money.

Rule 8: Short rallies, not selloffs. Shorts profit when markets drop, so they start to cover. This makes it a terrible time to enter new short sales. Wait until they get squeezed and shaken out, then jump in while no one is watching.

Rule 9: Manage time as efficiently as price. Time is money in the markets. Profit relates to the amount of time set aside for analysis. Know your holding period for every trade. And watch the clock to become a market survivor.

Rule 10: Avoid the open. They see you coming, sucker.

Rule 11: Trades that work in hot markets destroy accounts in cool ones. Stocks trend only 15% to 20% of the time. Price ranges cause grief to momentum traders the rest of the time.

Rule 12: The best trades show major convergence. Watch for the bull’s eye. Look for a single point in price and time that points repeatedly to a trade entry. The market is trying to tell you something.

Rule 13: Don’t confuse execution with oppo rtunity. Save Donkey Kong for the weekend. Pretty colors and fast fingers don’t make successful careers. Understanding price behavior and market mechanics does. Learn what a good trade looks like before falling in love with the software.

Rule 14: Control risk before seeking reward. Wear your market chastity belt at all times. Attention to profit is a sign of immaturity, while attention to loss is a sign of experience. The markets have no intention of offering money to those who do not earn it.

Rule 15: Big losses rarely come without warning. You have no one to blame but yourself. The chart told you to leave, the news told you to leave and your mother told you to leave. Learn to visualize trouble and head for safety with only a few bars of information.

Rule 16: Bulls live above the 200-day moving average, bears live below. Are you flying with the birds or swimming with the fishes? The 200-day moving average divides the investing world in two. Bulls and greed live above the 200-day, while bears and fear live below. Sellers eat up rallies below this line and buyers come to the rescue above it.

Rule 17: Enter in mild times, exit in wild times. The big move hides beyond the extremes of price congestion. Don’t count on the agitated crowd for your trading signals. It’s usually way too late by the time they act.

Rule 18: Perfect patterns carry the greatest risk for failure. Demand warts and bruises on your trade setups. Market mechanics work to defeat the majority when everyone sees the same thing at the same time. When perfection appears, look for the failure signal.

Rule 19: Trends rarely turn on a dime. Reversals build slowly. Investors are as stubborn as mules and take a lot of pain before they admit defeat.

Rule 20: See the exit door before the trade. Assume the market will reverse the minute you get filled. You’re in very big trouble when it’s a long way to the door. Never toss a coin in the fountain and hope your dreams will come true.

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

14 คำคมเพื่อชีวิต..

1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ตัวเราเอง

2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอวดดี

3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกลวง

4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอิจฉาริษยา

5. ความผิดพลาดที่มหันต์ที่สุด ก็คือ การยอมแพ้ตัวเอง

6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกตัวเอง

7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตของเรา ก็คือ ความถดถอยของตัวเอง

8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอุตสาหะ วิริยะ

9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความสิ้นหวัง

10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ สุขภาพที่สมบูรณ

11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ หนี้บุญคุณ

12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้อภัยและความเมตตากรุณา

13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล

14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้ทาน

อุปนิสัยการลงทุนของ บัฟเฟตต์-โซรอส

อุปนิสัยทั้ง 23 ข้อในการลงทุนของ บัฟเฟตต์-โซรอส

1.) จงรักษาเงินต้นไว้ให้ได้เสมอ ข้อนี้สำคัญที่สุด สำหรับโซรอสเขากล่าวว่า ‘การขาดทุนไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ทำให้เขารู้สึกเหมือนเดินถอยหลังกลับไปสู่จุดต่ำสุดของชีวิตอีกครั้ง’

2) มุ่งมั่นที่จะลดความเสี่ยง เป้าหมายของพวกเขา คือ ต้องให้แน่ใจเท่านั้นจึงจะลงทุน เค้าจะไม่ลงทุนในสิ่งที่เขาไม่รู้ ดังคำกล่าวของคุณปู่ที่ว่า “Risk comes from not knowing what you’re doing”

3) สร้างปรัชญาการลงทุนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ปรัชญาในการลงทุนของบัฟเฟตต์ คือ ประเมินคุณค่าให้ได้ และมองให้ออกว่า กิจการไหนมีลักษณะที่น่าลงทุน รู้ว่าจะซื้อจะขายตอนไหน

4) พัฒนาระบบที่มีความเหมาะสมเข้ากับนิสัยของตัวเอง ในการเลือกหุ้น หาจังหวะเข้าซื้อและขาย

5) การกระจายการลงทุนเป็นเรื่องของพวกกระจิบกระจอกเท่านั้น ยิ่งคุณมีหุ้นกระจัดกระจายมากเท่าไร เราก็ยิ่งทุ่มเทกับหุ้นที่เรามีได้น้อยลงเท่านั้น

6) ให้ความสำคัญกับผลตอบแทนหลังหักภาษี วิธีที่จะทำให้เงินทวีคูณขึ้น คือ ขจัดภาระเรื่องภาษีและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมออกไปให้ได้

7) จงลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจเท่านั้น บัฟเฟตต์พูดไว้ว่า “สิ่งสำคัญที่สุดของขอบข่ายแห่งความชำนาญไม่ได้อยู่ที่ว่ากว้างขวางขนาดไหน แต่อยู่ที่ว่าคุณขีดวงล้อมของมันได้ชัดเจนเพียงใดต่างหาก”

8) จงปฏิเสธที่จะลงทุนในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับเกณฑ์ในการลงทุนของคุณ บัฟเฟตต์และโซรอสสร้างขอบข่ายแห่งความชำนาญของตัวเอง ด้วยการตอบคำถามเหล่านี้ คือ ฉันสนใจอะไร, ฉันรู้อะไรในตอนนี้, และ อะไรที่ฉันอยากรู้แต่ยังไม่รู้

คุณต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อน จึงจะหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการลงทุนของตัวเองได้

9) จงทำวิจัยด้วยตัวเอง มองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆให้สอดคล้องกับเกณฑ์ในการลงทุนของตัวเองอยู่เสมอ และเอาจริงเอาจังกับการวิจัยหาข้อมูลด้วยตัวเอง แล้วชอบที่จะฟังเฉพาะนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์ผู้มีเหตุผลอันลึกซึ้งควรค่าแก่การนับถือ

บัฟเฟตต์ บอกว่า เคยใช้เวลามากกว่าครึ่งเดือนเพื่อนับจำนวนรถจักรที่วิ่งไปมาบนทางรถไฟในแคนซัส O_o แต่เขากลับไม่ได้ซื้อหุ้นบริษัทรถไฟ กลายเป็นว่าไปสนใจหุ้นของบริษัทที่ผลิตแก๊สโซลีนเพื่อใช้กับหัวรถจักรแทน และซื้อหุ้นของบริษัทแก๊สแทนรถไฟ ในกรณีนี้บัฟเฟตต์ลงทุนลงแรงทำภาคสนามด้วยตัวเองเลย เขาจึงลงทุนได้ด้วยความมั่นใจ และรู้ข้อมูลที่นักลงทุนคนอื่นๆนอกบริษัทไม่รู้อีกด้วยยย

10) จงอดทนอย่างไม่สิ้นสุด เมื่อเขายังไมเจอการลงทุนที่สอดคล้องกับเกณฑ์ของตัวเอง เขาก็มีความอดทนพอที่จะรอไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าจะเจอ

“คุณไม่ได้เงินจากการทำโน่นทำนี่หรอกครับ คุณได้เงินจากการทำสิ่งที่ถูกต้องต่างหาก” บัฟเฟตต์กล่าวในการประชุมประจำปีกับผู้ถือหุ้น

11) จงทำทันที ลงมือทันที เมื่อตัดสินใจดีแล้ว

12) อยู่กับการลงทุนที่ทำให้ได้รับชัยชนะ จนกว่าเหตุผลสมควรให้ขายที่คิดไว้ล่วงหน้าจะอุบัติขึ้น

กลยุทธ์ในการออก : 1) ออก เมื่อโดนแหกกฎ

2) ออก เมื่อเหตุการณ์ที่คาดไว้ได้เกิดขึ้นแล้ว

3) ออก เมื่อบรรลุเป้าหมายตามระบบแล้วหรือราคาไปถึงเป้าหมายแล้ว

4) ออก เมื่อระบบส่งสัญญาณมา นิยมในหมู่นักเทคนิค

5) ออก ตามกฎที่ตั้งไว้ เช่น พอราคาถึงจุดหนึ่งก็จะขาย หรือขายทันทีเมื่อขาดทุน 10 เปอร์เซ็นต์ หรือจุดที่เราตั้งไว้

6) ออก เมื่อรู้ตัวว่าได้ทำผิดพลาดไปแล้ว

13) จงทำตามระบบของคุณด้วยความศรัทธา ไม่มีการเปลี่ยนเกณฑ์การลงทุน หรือลดเป้า เพื่อปลอบใจตัวเองว่าฉันทำถูกแล้ว

14) ยอมรับความผิดพลาดและแก้ไขทันที เมื่อความผิดพลาดนั้นปรากฏชัด ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็แค่ขาดทุนเล็กน้อย

15) เปลี่ยนความผิดพลาดเป็นประสบการณ์ ฟิชเชอร์ กล่าวว่า “การทบทวนความผิดพลาด อาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการระลึกถึงแต่ความสำเร็จซะอีก”

16) ลงทุนลงแรง เมื่อประสบการณ์เพิ่มขึ้น ผลตอบแทนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้ใช้เวลาน้อยลงเพื่อทำเงินได้มากขึ้น เพราะได้ลงทุนลงแรงไปแล้ว

17) ไม่เคยพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ แทบจะไม่บอกใครเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับการลงทุนของเขา จะบอกทำไม ในเมื่อบัฟเฟตต์รู้ตัวดีว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วยยืนยันการตัดสินใจแต่อย่างใด

เช่นเดียวกับ โซรอส ที่ไ่ม่เคยเปิดเผยความเคลื่อนไหวของตัวเองให้ใครรู้ เพราะถ้าคนอื่นรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ก็จะแห่กันเข้าไปซื้อหุ้นตัวนั้น และราคาก็จะสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนของเขาสูงขึ้นไปน่ะสิ

18) รู้วิธีเป็นผู้นำ นักลงทุนชั้นเซียนจะแบ่งหน้าที่รับผิดชอบบางส่วนหรือทั้งหมดให้กับคนอื่น สำหรับบัฟเฟตต์แล้ว ทุกๆการลงทุน คือ การกระจายงาน เขาจะระลึกเสมอว่า เขากำลังเอาอนาคตของเงินของตัวเองไปให้คนอื่นดูแล และเขาจะมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับคนที่เขาไว้ใจและนับถือเท่านั้น

19) จงใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะของคุณ ถ้าคุณไม่รู้คุณค่าของเงิน คุณย่อมไม่รู้จักเก็บออมเงินทองที่หามาได้

การใช้เงินนั้นง่ายมากๆ ใครก็ทำได้ แต่หาเงินสิยากกว่า นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะของตัวเองจึงเป็นทัศนคติที่เป็นรากฐานของความสำเร็จของบัฟเฟตต์และโซรอส

20) ก้าวให้พ้นเรื่องเงิน นักลงทุนชั้นเซียนทำงานที่ทำอยู่ เพราะงานนั้นทำให้กระชุ่มกระชวยและเติมเต็มชีวิตของเขา ไม่ใช่ทำงานเพื่อเงิน ถ้าคุณมีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งนั้น เงินทองที่คุณทำได้ในระหว่างไล่ล่าเป้าหมาย จะเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้นเอง

21) กระบวนการ นักลงทุนชั้นเซียน จะผูกพันกับกระบวนการในการลงทุน สามารถปฏิเสธหรือล้มเลิกการลงทุนใดๆได้ง่ายๆ

22) หายใจเข้า-ออก เป็นการลงทุนตลอดเวลา

23) เอาเงินของคุณใส่ลงไปด้วย ทั้งบัฟเฟตต์และโซรอส ต่างก็เอาเงินใส่ลงไปในการลงทุนที่ตัวเองบริหารจัดการอยู่ ด้วยเหตุผลเดียวกับที่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทุกคน ต่างก็มีสินทรัพย์ผูกติดอยู่ในธุรกิจที่ตัวเองทำ การลงทุนของพวกเขา คือ ลงทุนในสิ่งที่ตัวเองรู้ว่าจะทำเงินได้ และนั่นคือ สิ่งที่เขารักนั่นเอง

วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

วันที่ 40 ลบล้างทฤษฎีเก่า ประเมินตัวเองใหม่

หลังจากพอร์ตเสียหายไปมากมายจากการ overtrade อยากจะเป็นเจ๊ใหญ่ สุดท้าย ตายหยั่งเขียด
วันนี้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ตราบใดทั้งยังมีแสงตะวัน เมื่อนั้นฟ้ายังให้โอกาส.....







เปิดตลาดมาไม่ดูตาม้าตาเรือ เปิด L แล้ว ลงหงายเงิบ 555+
โชคดีที่เริ่มหัดตั้ง cut loss ไว้แค่จุดเดียว จึงเสียหายไม่มากนัก
บวกกับ ทฤษฎี Triple Bottom ยังที่ใช้ได้ดีอยู่ จึงตั้ง L ใหม่ได้ทัน
คราวนี้จึง กู้คืนความเสียหายรอบแรกได้ไม่ยาก หลังจากนั้นเปิด S ตามทันที
ครั้งนี้ Trend is your true friend สุดฤทธิ์ เริ่มได้กำไรกลับมาบ้างแล้ว


ติดนี้ได้กำไร S มาจาก 824.5 ปิดวันนี้ที่ 821 เอาเป็นว่า Let Profit Run ไว้ก่อนแล้วกันนะ
ลำบากใจจริงๆ ห่อกลับบ้านที่ไร มักจะตามมาด้วยวัน มหาวิปโยคทุกที แต่คราวนี้เราไม่ได้ขวาง Trend แล้วนะ

วันที่ 39 มหาวิปโยค

หลังจากตีกำไรคืนมาได้วันที่ 38
แต่ด้วยเพราะคลั่งทฤษฎี elliot wave (อันที่จริงนับผิดเอง แต่ดันมั่นใจ)
จึงคิดไปตัดทางกำไรของตัวเอง เปิด short ที่ 813 แต่ราคาวิ่งไปต่อถึง 821
ณ จุดนี้ผิดที่มั่นใจ ผิดที่ไม่ตั้ง cut loss ผิดที่โลภ ไม่รู้จักพอ










วันที่ 33-38 ฤดูแห่งความท้อแท้

หลายๆ ทฤษฎีใช้ไม่ได้ผล แพ้ตลาดมาตลอด
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะทฤษฎีอะไรก็แพ้ ทฤษฎี Trend is your friend
แพ้ตลาดเพราะ Overtrade อวดฉลาด คลั่งวิชา บ้าทฤษฎีและทำตัวอยู่เหนือตลาด

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วันที่ 32 แล้ว

ยังแพ้ตลาดเหมือนเดิม
เป็นไข้ด้วย ตลาดก็ sideway - sto ลง ราคาไม่ลง พอ sto ขึ้นก็ลากไม่ผ่านแนวต้าน
กินยานอนดีกว่า ยังดอย short ที่ 789.5



วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผลการเทรดวันที่ 31

รู้ว่ามันจะยืด เราก็ทำได้แค่รอเท่านั้น


ผลการเทรดวันที่ 30

เทรดมาครบเดือนพอดี อันที่จริงก็กินเวลาราวๆ เดือนครึ่ง
ถ้าเรามาพิจารณาดูจะเห็นว่า wave 5 ยังไม่จบและกำลังจะทำ extension ต่อ
และเมื่อมาถึงจุด retrace 38.2 ก็คือจุดที่มันจะไปต่ออยู่แล้ว
ถ้าวัดด้วย fibo fan จะเห็นว่า retrace ที่ 61.8 แปลว่า speed หรือ impulse ยังมีอยู่
และพร้อมจะไปต่อ พอเช้ามาเปิด Gap กระโดดขึ้นไป มันผิดในเรื่องของ time
จึ่งถูก terminate ให้กลับมาเริ่มใหม่ สังเกตว่า sto 15m 1h เต็มหมด
แต่เรากลับเข้าใจผิดแบบฝังใจว่า wave 5 จบแล้วแน่ๆ
เลยเปิด short ไว้ที่ 789.5 และไม่ยอมปิดในวันอีก
เพราะฉะนั้น คราวนี้ทำได้แค่เพียงรอเ่ท่านั้นค่ะ wave 5 ยืดดดดดดดดดด










วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผลการเทรดวันที่ 29

วันนี้เปิดมาก็งงเลย คือเปิด Gap ล่วงลงไป แต่พอตลาดเปิดเสร็จก็มีแรงลากซื้อกลับขึ้นไปทันที
รู้สึกเสียใจตัวเองที่ไม่มันใจว่า impulse แรงๆ เมื่อวานนั่นเป็น wave 5 สุดท้ายแล้วก็จะต้องปรับลงมาอยู่ดี
แต่อีกใจ ก็หวั่นใจ กลัวนับ wave ผิด หรือไม่ก็เกิดการทำ extension ขึ้น เราคงแย่
เลยตัดสินใจปิด short ที่ 790 ขาดทุนไปหมื่นกว่าบาท T-T

พอตลาดเปิดมาวันนี้ ก็เปิด gap ล่วงลงไปแล้วมีแรงลากกลับขึ้นมาทันที อารมณ์ตลาดตอนนี้ดีมากๆเชียว
แต่ก็ทำได้แค่เพียงเป็นอารมณ์ของการ Rebound ทางเทคนิคเท่านั้น
อันที่จริง วันนี้เป็นวันที่เหมาะกับการ daytrade มากๆ สามารถทำกำไรได้ หลายรอบ
เราได้กำไรจากการ long 787 ไปเปิดที่ 790 แล้วเปลี่ยนมาเปิด short ที่ 789
พอตลาดยุโรปเปิดมาแดงราวกับมีไฟไหม้ ดัชนีก็ล่วงไปที่ 784 แต่เราดื้อไม่ยอมปิด short คาดว่าต้องล่วงต่อแน่
สุดท้าย มีแรงซื้อกลับเข้ามาตอนปิดตลาดอย่างหนาแน่น หุ้นตัวใหญ่อย่างกลุ่มธนาคารและพลังงาน ดันดัชนี
กลับมายืนที่แนวต้าน 1020 และดัชนีกลับมาปิดที่ 787.1

เอาน่า อย่าเพิ่งปิดเลย มันสุด wave 5 แล้วยังไงก็ลง รอปิดที่ 778 แล้วกัน

ภาพจากเมื่อวาน

ภาพวันนี้ เช้ามาล่วงเปิด Gap

กราฟแสดงจุด rebound

สักวันจะเป็นดังฝันใฝ่ จะไปให้ได้...

ภาพ portfolio ของคุณ MudleyGroup
สักวันเราต้องทำได้แบบนี้บ้าง จะไม่ท้อ จะไม่ยอมแพ้ สู้ๆ

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วันที่ 28 ของการเทรด

เช้านี้ฝันไม่ได้เลย ฝันมาโดนแม่ด่าว่าอย่าเล่นหุ้นนะ ไปเล่นทำไม
เป็นฝันตอนเช้า ในฝันเราเถียงแม่สู้ตายด้วย ซึ่งมันรู้สึกแย่จัง
พอตลาดเปิด ก็นะ L เมื่อวานได้ผล จาก 773.1 มาปิดที่ 779
แต่แล้ว ไม่รู้อะไรดลใจ ให้บ้าบิ่นเปิด short ที่ 782.5 ทีเดียว 2 สัญญา
จากนั้นนั่งมองมันวิ่งขึ้นไปจนถึง 791 ผลคือ กำไร 2 วันที่ผ่านมาหายเกลี้ยงเลย

วันนี้ตลาดมันแรงจริงๆ ซึ่งเครื่องมือที่เราใช้ confirm คือ stochastic ซึ่งใช้ไม่ได้ในวัน super bull
จริงๆแล้ว เงื่อนไขเราจะสุดปลาย wave 5 ที่ 790-792 แต่ไหงกลายเป็นใจร้อน
มักน้อยโดดลงที่ 779 ซะงั้น สาเหตุเพราะ sto เต็ม 100 จึงคิดว่าน่าจะพักก่อน
จากนี้ไปใน wave impluse จะไม่เชื่อ sto อีกแล้ว จะรอจนมันต่ำว่า 80 จริง






วันที่ 26-27 ของการเทรด

วันที่ 26 วันนี้เป้นวันอยู่บ้านวันแรก ได้ศึกษาตลาดเต็มๆ สักที ได้แต่จดๆจ้องๆ
พร้อมห่อ short รอไว้ที่ 731.10  เพื่อหวังว่าจะปิดที่ 771 แต่ตลาดอืดเหรอเกิน sideway ทั้งวัน
แถมได้ข้อคิดมาด้วยว่า วันนี้ตลาดเหวี่ยงขึ้น เหวี่ยงลง ถ้าไม่ยึดติดที่ 771 เราจะสามารถ
เล่นรอบได้ราวๆ 2-3 รอบเชียวนะ

วันที่ 27 วันวาเลนไทน์อาภัพ
วันนี้เป็นวันที่ชนะตลาดได้อยากเต้มเม็ด เต็มหน่วย
เนื่องด้วยเกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย ระเบิดพลีชีพที่สุขุมวิท 71
ทำให้ดัชนีล่วงไป 10 จุด แต่ที่หน้าแปลกคือ ล่วงไปที่ 771 ตามฟิโบที่วัดไว้ซะด้วยสิ
มีทะลุลงไปนิดหน่อย แต่ก็เอาอยู่ แถมห่อ L กลับบ้าน ใจตุ่มๆ ต่อมๆ
แต่มันจะไป เวฟ 5 แล้วนะ ต้องมั่นใจในระบบตัวเองสิ